การเข้าใจและแลกเปลี่ยนกับพนักงานบัญชีของตัวเองได้ จะทำให้รู้ว่า ระบบบัญชีที่พนักงานวางขึ้นมาให้เรานั้น มันถูกต้องสอดคล้องกับธุรกิจที่เรากำลังทำอยู่หรือไม่ มีการออกใบเสร็จ/ใบกำกับภาษีถูกต้องตามข้อกฎหมายกำหนด การจ่ายเงินออกจากกิจการ มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายเพื่อนำส่งให้สรรพากรอย่างถูกต้อง ปฏิทินภาษีแต่ละรายการที่ต้องยื่นและนำส่งสรรพากรมีความถูกต้องไม่เกิดข้อผิดพลาด ซึ่งทั้งหมดของเรื่องทางบัญชี เจ้าของกิจการต้องรู้ หากไม่รู้จะเกิดความเสียหายตามมาแน่นอน เพราะพนักงานบัญชีที่จบบัญชีมาก็จริง ใช่ว่าเขาจะรู้จริง และไม่ทำผิด
ตรงนี้ขอพูดถึงพนักงานในบ้านเรา มีข้อจำกัดเรื่องการเข้าใจจิตวิญญาณของตัวเองที่ต้องรักษาเกียรติ รักษาศักดิ์ศรี ด้วยการทำงานที่ต้องรู้จริงและไม่ผิดพลาด แม้จบปริญญามาก็ใช่ว่าจะทำงานเป็น ส่วนใหญ่ต้องนำมาฝึก นำมาสอน กว่าจะรู้จริงก็ต้องผ่านการลองผิดลองถูก สร้างความเสียหายให้กับเจ้าของกิจการ ดังนั้นหากเจ้าของกิจการไม่รู้ว่า เมื่อตั้งบริษัทขึ้นมาแล้ว จะต้องจัดการระบบบัญชีของบริษัทให้เป็นเช่นไรตามที่กฎหมายกำหนด งานนี้รับรองว่าบริษัทมีความเสี่ยงแน่นอน เพราะระบบบัญชีอาจเสียหาย เกิดตัวเลขในงบการเงินที่เชื่อถือไม่ได้ เพราะมีการลงบัญชีผิด ๆ ถูก ๆ เสียภาษีไม่ครบถ้วน สุดท้ายต้องโดนเบี้ยปรับเงินเพิ่มจากสรรพากร จนไม่เหลือเงินเพื่อดำเนินกิจการต่อ
การเป็นเจ้าของกิจการของตนเองย่อมเป็นความใฝ่ฝันของใครหลาย ๆ คน แต่การจะประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจได้นั้น ต้องอาศัยปัจจัยหลาย ๆ ด้วยกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการบริหารเงินให้เป็นนั้นเอง ทำอย่างไรเงินทองที่หามาได้จึงจะไม่รั่วไหลออกไปโดยเปล่าประโยชน์ ทำอย่างไรการเงินในกิจการจึงจะเดินได้อย่างคล่องตัว ไม่ฝืดเคือง สิ่งเหล่านี้มีเทคนิคและวิธีการที่ต้องอาศัยความใส่ใจพอสมควร การบริหารเงินสำหรับเจ้าของกิจการ มีดังนี้
เจ้าของกิจการบางคนชอบนำค่าใช้จ่ายส่วนตัวมาคิดเป็นค่าใช้จ่ายในกิจการด้วย ทั้งค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายในการซื้อรถ จ่ายประกันรถ เพราะมองว่าเงินทุนในกิจการก็คือเงินของเรา เพราะเป็นเงินที่เราเอาไปลงทุน ซึ่งความคิดเช่นนี้ถือว่าเป็นความคิดที่ผิด การนำเงินส่วนตัวมาปะปนกับเงินทุนในการประกอบกิจการ จะทำให้เราไม่ทราบผลกำไรหรือรายได้ที่แท้จริงของกิจการ นอกจากจะก่อให้เกิดความยุ่งยากในการทำบัญชีแล้ว ยังทำให้เกิดความสับสนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล
ซึ่งการแยกบัญชีเงินส่วนตัว และเงินทุนในกิจการที่ง่ายที่สุดคือการกำหนดเงินเดือนให้ตนเอง แล้วจึงนำเงินเดือนไปใช้ในกิจส่วนตัว โดยเงินเดือนตนเองก็คือค่าใช้จ่ายในกิจการของเรา เมื่อแยกได้เช่นนี้แล้ว เราจะสามารถมองเห็นภาพได้ว่าส่วนไหนคือ รายจ่าย ส่วนไหนคือ รายรับของกิจการ
เมื่อมีรายรับหรือรายจ่ายเกิดขึ้นในกิจการ ควรมีการบันทึกไว้อย่างละอียด และควรมีการสรุปยอดเป็นระยะ ๆ เพื่อให้เราทราบถึงภาวะทางการเงินของกิจการ ว่ามีการรั่วไหลของเงินหรือไม่ ในทางใด หรือกิจการของเรามีหนี้ค้างชำระอยู่หรือไม่ ถ้ามีเป็นจำนวนเท่าไร เพื่อให้เราสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ ในส่วนนี้ยังรวมไปถึงยอดหนี้ที่เราต้องเรียกเก็บจากลูกค้าเช่นกัน
เนื่องจากรายรับรายจ่ายของกิจการนั้นแตกต่างกับรายรับรายจ่ายของมนุษย์เงินเดือน ดังนั้น เจ้าของกิจการหน้าใหม่ควรทำความเข้าใจกับคำว่ากระแสเงินสดเอาไว้บ้าง เพราะเงินที่เข้าออกในกิจการส่วนตัวนั้น บางครั้งก็ไม่ใช่เงินสดเสมอไป แม้ผลประกอบการจะดีเพียงใด แต่เมื่อเป็นเงินที่อยู่ในรูปของเครดิต เป็นเงินที่เราต้องรอเรียกเก็บจากลูกค้า และเป็นจำนวนมาก ก็อาจทำให้กิจการขาดสภาพคล่องได้
การทำบัญชีการเงินของบริษัท ควรมีการกันเงินไว้เป็นเงินสำรองฉุกเฉิน สำหรับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง เช่น ลูกค้าไม่ยอมชำระหนี้ แต่กิจการจำเป็นต้องจ่ายหนี้ให้กับคู่ค้าอื่น ๆ การมีเงินสำรองก้อนนี้ไว้ จะช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นนี้ได้
เจ้าของกิจการไฟแรงบางคนมีความกล้าในการทำกิจการของตน โดยเฉพาะเมื่อลงทุนแล้วเห็นว่ามีผลประกอบการดี ก็รีบลงทุนเพิ่มเพื่อขยายกิจการ โดยไม่ได้ติดตามว่าเงินที่ลงทุนไปนั้นคืนทุนมาหรือยัง เพราะมัวแต่สนุกกับการทดลองสิ่งใหม่ ๆ กับกิจการของตนเองอยู่ วิธีนี้นับเป็นวิธีที่ผิด เพราะจะก่อให้เกิดหนี้ก้อนโตอย่างไม่รู้ตัว ดังนั้นเมื่อคิดจะลงทุนในแต่ละครั้ง ควรติดตามผลการลงทุนด้วยว่าได้รับผลตอบแทนกลับมาเท่าไหร่ และคุ้มกับที่ลงทุนไปหรือไม่
เจ้าของกิจการหลายคนประสบปัญหาไม่สามารถทำรายการบัญชีด้วยตนเองได้ ซึ่งหากกิจการของเรามีขนาดไม่ใหญ่มาก อาจจ้างสำนักงานบัญชีมาช่วยดำเนินการให้อย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อตรวจสอบรายรับรายจ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในกิจการของเรา รวมถึงเงินภาษี และรายงานให้กรมสรรพกรทราบ ซึ่งหากเราไม่ดำเนินการอย่างรัดกุม อาจทำให้ถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ซึ่งบอกได้เลยว่าค่าปรับในส่วนนี้ไม่คุ้มกับการที่เราลดรายจ่ายโดยการจ้างสำนักงานบัญชีมาจัดการให้อย่างแน่นอน
เป้าหมายของกิจการไม่จำเป็นต้องเป็นยอดเงินเสมอไป แต่อาจเป็นเป้าหมายที่กิจการของเราสามารถดำเนินการได้ เช่น ตั้งเป้าหมายเป็นยอดขาย หรือจำนวนลูกค้า เป็นต้น ซึ่งเมื่อกิจการสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายแล้วยอดเงินก็จะตามมาเองในภายหลัง ยิ่งตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เราสามารถกำหนดทิศทางของกิจการได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกิจการหรือลูกจ้างกินเงินเดือน หากขาดวินัยทางการเงิน โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการบริหารการเงินก็จะไม่มีทางเป็นไปได้เลย ดังนั้น เจ้าของกิจการจึงควรมีวินัยทางการเงินที่ดี เมื่อเป็นหนี้ควรรีบชำระให้หมดตามวาระที่เจ้าหนี้กำหนดเพื่อป้องกันดอกเบี้ยที่พอกพูนขึ้น และหากมีลูกน้องควรจ่ายเงินเดือนให้ตรงเวลาตามที่ได้ตกลงกันไว้ เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับพนักงาน กิจการที่ไม่สามารถจ่ายเงินเดือนให้พนักงานหรือให้เจ้าของกิจการได้ ย่อมแสดงว่ากิจการนั้นเกิดวิกฤตทางการเงินแล้ว
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเทคนิคและวิธีในการบริหารการเงินที่เจ้าของกิจการทุกคนควรให้ความใส่ใจ แม้ว่าเงินอาจไม่ใช่เป้าหมายหลักที่ทำให้เราอยากมีกิจการเป็นของตนเอง แต่การบริหารทางการเงินที่ดีจะทำให้กิจการของเรามีความมั่นคง และประสบความสำเร็จได้ในที่สุด ซึ่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้จะยั่งยืนและต่อเนื่อง หากเรามีวิธีการบริหารและจัดการที่ดี
อ้างอิง :
รวมบทความน่าสนใจเกี่ยวกับธุรกิจ เสริมความรู้ สร้างแรงบันดาลใจเพื่อผู้ประกอบการไทยทุกคน